วันจันทร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ดอกไม้ประจําวันเกิด เกิดวันอาทิตย์ ต้นไม้ประจำวันเกิดเป็น ต้นพวงแสด ต้นพุทธรักษา ต้นธรรมรักษา และต้นเยอร์บีร่าที่มีดอกสีส้ม ส่วนดอกไม้ประจำวันเกิดเป็นดอกกุหลาบสีส้ม จะถูกโฉลกกับเธอที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้มีนิสัยทะเยอทะยานและกระตือรือลัน เธอและดอกไม้มีความหมายถึงความฝันอันยิ่งใหญ่ ดอกไม้อีกชนิดสำหรับผู้เกิดวันนี้คือ ดอกทานตะวัน อันเป็นสัญลักษณ์คู่กับพระอาทิตย์เสมอ บอกถึงตัวเธอที่เชื่อมั่น หัวสูง ถือตัว และหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วย เกิดวันจันทร์ ต้นไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ต้นมะลิ ต้นแก้ว ต้นพุด ต้นจำปี ยิ่งถ้าปลูกแล้วออกดอกหอม เธอจะยิ่งโชคดี ดอกไม้ประจำวันเกิดคือดอกมะลิขาวสะอาด หมายถึงตัวเธอที่มีความนุ่มนวลอ่อนโยน เรียบร้อย ส่วนดอกไม้อีกชิดคือ ดอกกุหลาบขาว หมายถึงความรักที่อ่อนโยนและไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน เพราะคนวันจันทร์มักอ่อนไหวง่าย โรแมนติก และช่างฝัน เกิดวันอังคาร ต้นไม้ที่แสนดีของเธอคือ ต้นชัยพฤกษ์ ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ต้นยี่โถ ออกดอกสีชมพู ต้นเข็มออกดอกสีชมพู ถ้าต้นไม้ของเธอออกดอกมากๆ บอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุขดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกล้วยไม้ โดยเฉพาะที่ออกดอกสีชมพู เพราะมีความหมายถึงความรักที่ร้อนรุ่ม หวือหวา วูบวาบตามอารมณ์ของคนที่เกิดวันนี้ เกิดวันพุธ ต้นไม้ประจำตัวคนที่เกิดวันพุธนั้นพิเศษกว่าคนอื่นตรงที่เป็นต้นไม้ใบเขียว โดยเฉพาะต้นกระดังงา ต้นสนฉัตร ดังนั้นเธอควรปลูกต้นไม้เยอะๆ ถึงจะโชคดี ต้นไม้เหล่านั้นจะช่วยปกป้องคุ้มครองเธอได้ คือ ดอกบัว หมายถึงจิตใจอันสงบ เพราะคนที่เกิดวันพุธมักชอบเป็นนักการทูตและรัก สันติภาพดอกไม้ประจำวันเกิดคือ คือดอกบัว ซึ่งคนที่เกิดวันพุธมักจะเป็นนักคำนวณ (เงิน) สีเหลืองอร่ามราวกับทองของดอกไม้ชิดนี้ หมายถึงรักของเธอต้องมาพร้อมเงิน เกิดวันพฤหัสบดี เธอที่เกิดวันนี้ มีต้นไม้ประจำตัวคือ ต้นโสน ต้นราชพฤกษ์ และต้นบานบุรี หากมีต้นไม้เหล่านี้อยู่ในบ้านจะช่วยคุ้มครองดูแลเธอ ดอกไม้ประจำวันเกิดของเธอคือ ดอกกุหลาบสีเหลือง หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องความรัก รักซ้อนซ่อนใจ เพราะคนที่เกิดวันนี้เป็นคนรักงายหน่ายเร็ว เจ้าชู้เล็กๆ ดอกไม้อีกชนิดหนึ่งคือดอกคาร์เนชั่นสีชมพู หมายถึงรักของเธอที่อ่อนโยนและอ่อนหวาน เธอที่เกิดวันนี้ จริงๆ แล้วเป็นคนสุภาพอ่อนโยนและมีอารมณ์ขัน น่ารักเหมือนดอกไม้ของเธอนั่นแหละ เกิดวันศุกร์ ต้นไม้ที่แสนดีของคนที่วันศุกร์คือ ต้นพยับหมอก ต้นแส ต้นอัญชัน ส่วนดอกไม้ที่ถูกแลกโชคดีของเธอคือ กุหลาบทุกสี เพราะคนที่เกิดวันศุกร์มักเป็นนักรักที่ยิ่งใหญ่มีเสน่ห์ล้นเหลือหรือจะเป็นดอกไม้เจ้าเสน่ห์ที่มีความหมายหวานแหววแบบดอกไวโอแลตว่า "ฉันรักเธอแล้ว หากรักฉันก็บอกกันบ้างนะ" คนเกิดวันศุกร์บางอารมณ์ก็โลเล จึงได้ดอกลาเวนเดอร์ที่มีความหมายถึงรักที่สับสน ไม่แน่นอน ไปครองอีกดอกหนึ่ง เกิดวันเสาร์ จะมีต้นไม้พวก ตันกัลปังหา ต้นพวงคราม ต้นอินทนิล เป็นต้นไม้ประจำวันเกิด และดอกไม้ประจำวันเกิดคือ ดอกลิลลี่ อันหมายถึงรักครั้งแรก รักที่บริสุทธิ์เพราะคนที่เกิดวันเสาร์เป็นคนจริงจังและซีเรียส จึงรักใครยากหน่อย ทว่าดอกลิลี่เป็นดอกที่กระทบใจคนขี้เหงาวันเสาร์ได้ดีทีเดียว
เลฟ อีริคสัน(Leif Ericsson) พวกไวกิงนั่งเรือลำยาวแล่นไปในที่ต่างๆ ในโลก อีริค เธอะ เรด หัวหน้าชาวนอรฺเวย์ ค้นพบเกาะกรีนแลนด์ เมื่อประมาณ ค.ศ. 982 บุตรชายของอีริค คือ เลฟ อีริคสัน เขาได้ทำการสำรวจเกาะกรีนแลนด์สืบต่อจากพ่อของเขา และเขายังได้เคย เข้าร่วมขบวนเดินทางสำรวจที่พ่อของเขาส่วไปยัง ทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อประมาณปี ค.ศ.1000 เขาได้ไปถึงส่วนที่เป็นชายฝั่ง อเมริกาเหนือ ระหว่างแลบราดอร์ และแหลมคอด แมสซาจูเซตส์ เขาเรียกดินแดนนี้ว่า วินแลนด์ หรือแดนเหล้าองุ่น เนื่องจากพ่อของเขา พบผลองุ่นป่างอกงามที่นั่น

วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

26 มิถุนายน วันสุนทรภู่ สุนทรภู่ หรือ พระสุนทรโวหาร (ภู่) มีนามเดิมว่า ภู่ เป็นบุตรขุนศรีสังหาร (พลับ) และแม่ช้อย เกิดในรัชกาลที่ ๑ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อวันจันทร์ เดือนแปด ขึ้นหนึ่งค่ำ ปีมะเมีย จุลศักราช ๑๑๔๘ เวลาสองโมงเช้า ตรงกับวันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ.๒๓๒๙ ที่บ้านใกล้กำแพงวังหลัง คลองบางกอกน้อย สุนทรภู่เกิดได้ไม่นาน บิดามารดาก็หย่าจากกันฝ่ายบิดากลับไปบวชที่บ้านกร่ำ เมืองแกลง จ.ระยองส่วนมารดา คงเป็นนางนมพระธิดา ในกรมพระราชวังหลัง (กล่าวกันว่าพระองค์เจ้าจงกล หรือเจ้าครอกทองอยู่) ได้แต่งงาน มีสามีใหม่และมีบุตรกับสามีใหม่ ๒ คนเป็นหญิง ชื่อฉิมและนิ่ม ตัวสุนทรภู่เองได้ถวายตัวเป็นข้าในกรมพระราชวังหลังตั้งแต่ยังเด็ก สุนทรภู่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน สันทัดทั้งสักวาและเพลงยาว เมื่อรุ่นหนุ่มเกิดรักใคร่ชอบพอกับนาง ข้าหลวงในวังหลัง ชื่อแม่จัน ครั้นความทราบถึงกรมพระราชวังหลัง พระองค์ก็กริ้ว รับสั่งให้นำสุนทรภู่ และจันไปจองจำทันที แต่ทั้งสองถูกจองจำได้ไม่นาน เมื่อกรมพระราชวังหลังเสด็จทิวงคตในปี พ.ศ. ๒๓๔๙ ทั้งสองก็พ้นโทษออกมา เพราะเป็นประเพณีแต่โบราณที่จะมีการปล่อยนักโทษ เพื่ออุทิศ ส่วนพระ ราชกุศลแด่ พระมหากษัตริย์หรือพระราชวงศ์ชั้นสูง เมื่อเสด็จสวรรคตหรือทิวงคตแล้ว แม้จะพ้นโทษ สุนทรภ ู่และจันก็ยังมิอาจสมหวังในรัก สุนทรภู่ถูกใช้ไปชลบุรี สุนทรภู่ได้เดินทางเลยไปถึงบ้านกร่ำ เมืองแกลง จังหวัด ระยอง เพื่อไปพบบิดาที่จากกันกว่า ๒๐ ปี สุนทรภู่เกิดล้มเจ็บหนักเกือบถึงชีวิต กว่าจะกลับมากรุงเทพฯ ก็ล่วง ถึง เดือน ๙ ปี พ.ศ.๒๓๔๙ หลังจากกลับจากเมืองแกลง สุนทรภู่ได้เป็นมหาดเล็กของพระองค์เจ้าปฐมวงศ ์ พระโอรสองค์เล็กของกรมพระราชวังหลัง ซึ่งทรงผนวชอยู่ที่วัดระฆัง ในช่วงนี้ สุนทรภู่ก็สมหวังในรัก ได้แม่จันเป็นภรรยาสุนทรภู่คงเป็นคนเจ้าชู้ แต่งงานได้ไม่นานก็เกิดระหองระแหงกับแม่จัน ยังไม่ทันคืนดี สุนทรภู่ก็ต้องตามเสด็จพระองค์เจ้าปฐมวงศ์ไปนมัสการพระพุทธบาท จ.สระบุรี ในวันมาฆบูชา สุนทรภ ู่ได้แต่งนิราศ เรื่องที่สองขึ้น คือ นิราศพระบาท สุนทรภู่ตามเสด็จกลับถึงกรุงเทพฯ ในเดือน ๓ ปี พ.ศ.๒๓๕๐ สุนทรภู่มีบุตรกับแม่จัน ๑ คน ชื่อหนูพัด แต่ชีวิตครอบครัวก็ยังไม่ราบรื่นนักในที่สุดแม่จันก็ร้างลาไป พระองค์เจ้าจงกล (เจ้าครอกทองอยู่) ได้รับอุปการะหนูพัดไว ้ ชีวิตของท่านสุนทรภู่ช่วงนี้คงโศกเศร้ามิใช่น้อย ประวัติชีวิตของสุนทรภู่ในช่วงปี พ.ศ.๒๓๕๐ - ๒๓๕๙ ก่อนเข้ารับราชการ ไม่ชัดแจ้ง แต่เชื่อว่าท่าน หนีความเศร้าออกไปเพชรบุรี ทำไร่ ทำนา อยู่กับหม่อมบุญนาค ในพระราชวังหลัง นักเลงกลอนอย่างท่านสุนทรภู่ ทำไร่ทำนาอยู่นานก็ชักเบื่อ ด้วยเลือดนัก กลอนทำให้ท่านกลับมากรุงเทพฯ หากินทางรับจ้างแต่งเพลงยาว บอกบทสักวา จนถึงบอก บทละคร นอก บางทีนิทานเรื่องแรกของ ท่านคงจะแต่งขึ้นในช่วงนี้ การที่เกิดมีนิทานเรื่องใหม่ๆ ทำให้เป็นที่สนใจมาก เพราะ สมัยนั้นมีแต่กลอนนิทานจักรๆ วงศ์ๆ ไม่กี่เรื่อง ซ้ำไปซ้ำมาจนคนอ่าน คนดูรู้เรื่องตลอดหมดแล้ว นิทานของ ท่านทำให้นายบุญยัง เจ้าของคณะละครนอกชื่อดัง ในสมัยนั้นมาติดต่อว่าจ้างสุนทรภู่ ท่านจึงได้ร่วมคณะละคร เป็นทั้งคนแต่งบทและบอกบทเดินทางเร่ร่อนไปกับคณะละครจนทั่ว รับราชการครั้งแรก ก็สมัยพระ พุทธเลิศ หล้านนภาลัย ที่ได้อาจจะมาจากมูลเหตูที่รัชกาลที่ 2 ชอบบทกลอนเหมือนกัน แต่หลังจากรัชกาลที่ 2 เสด็จ สวรรคต นอกจาก แผ่นดินและผืนฟ้าจะร่ำไห้ ไพร่ธรรมดาคนหนึ่งที่มีโอกาสสูงสุด ในชีวิตได้เป็นถึง กวีที่ ปรึกษา ในราชสำนัก ก็หมดวาสนาไปด้วย สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงพระนิพนธ์ไว้ถึง เหตุที่สุนทรภู่ ไม่กล้า รับราชการต่อใน แผ่นดินพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ดังนี้ "เล่ากันว่า เมื่อทรงพระราชนิพนธ์ บทละคร เรื่องอิเหนา ทรงแต่งตอนนางบุษบาเล่นธาร เมื่อท้าว ดาหาไปใช้บน พระราชทานให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อยังดำรงพระยศเป็นพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ทรงแต่ง "เมื่อทรงแต่งแล้ว ถึงวันจะอ่านถวายตัว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรับสั่งวานสุนทรภู่ ตรวจดูเสียก่อน สุนทรภู่อ่านแล้วกราบทูลว่า เห็นดีอยู่แล้ว ครั้นเสด็จออก เมื่อโปรดให้อ่านต่อหน้ากวีที่ทรง ปรึกษาพร้อมกัน ถึงบทแห่งหนึ่งว่า " 'น้ำใสไหลเย็นแลเห็นตัว ปลาแหวกกอบัวอยู่ไหวไหว' "สุนทรภู่ติว่ายังไม่ดี ขอแก้เป็น " 'น้ำใสไหลเย็นเห็นตัวปลา ว่ายแหวกปทุมาอยู่ไหวไหว' "โปรดตามที่สุนทรภู่แก้ พอเสด็จขึ้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวก็กริ้ว ดำรัสว่า เมื่อ ขอให้ตรวจทำไมจึงไม่แก้ไข แกล้งนิ่งเอาไปไว้ติหักหน้ากลางคัน เป็นเรื่องที่ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ครั้ง หนึ่ง "อีกครั้งหนึ่ง รับสั่งให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงแต่งบทละครเรื่องสังข์ทอง ตอน ท้าว สามลจะให้ลูกสาวเลือกคู่ ทรงแต่งคำปรารภของท้าวสามลว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้ว สมมาด ปรารถนา' " ครั้นถึงเวลาอ่านถวาย สุนทรภู่ถามขึ้นว่า 'ลูกปรารถนาอะไร' พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ต้องแก้ว่า " 'จำจะปลูกฝังเสียยังแล้ว ให้ลูกแก้วมีคู่เสน่หา' "ทรงขัดเคืองสุนทรภู่ว่าแกล้งประมาทอีกครั้งหนึ่ง แต่นั้นก็ว่าพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมึนตึงต่อสุนทรภู่มาจนตลอดรัชกาลที่ ๒ ... " จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เพียงคิดได้ด้วยเฉพาะหน้าตรงนั้นก็ตาม สุนทรภู่ก็ได้ทำการไม่เป็นที่พอ พระราชหฤทัย ประกอบกับความอาลัยเสียใจหนักหนา ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่ จึงลาออกจากราชการ และตั้งใจบวชเพื่อสนองพระมหากรุณาธิคุณ เมื่อกลับจากกรุงเก่า พระสุนทรภู่ได้ไปจำพรรษาอยู่ท ี่วัดอรุณ ราชวรารามหรือวัดแจ้ง ปี พ.ศ.๒๓๗๒เจ้าฟ้ากุณฑลทิพยวดีในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงฝากเจ้าฟ้ากลาง และเจ้าฟ้า ปิ๋ว พระโอรสองค์กลางและองค์น้อยให้เป็นศิษย์สุนทรภู่ การมีศิษย์ชั้นเจ้าฟ้าเช่นนี้จึงทำให้พระสุนทรภ ู่สุข สบาย ขึ้นพระสุนทรภู่อยู่วัดอรุณฯ ราว ๒ ปี จึงข้ามฟากมาจำพรรษาอยู่ท ี่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ เล่ากันถึงสาเหตุที่พระสุนทรภู่ย้ายวัดมา ก็เพราะสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงชัก ชวนให้มาอยู่ด้วยกัน สมเด็จฯ ทรงเป็นกวีองค์สำคัญของกรุงรัตนโกสินทร์ พระองค์หนึ่ง เชื่อว่าคงจะทรงคุ้นเคย กับสุนทรภู่ในฐานะที่เป็นกวีด้วยกัน โดยเฉพาะสมัยที่สุนทรภู่เป็นขุนสุนทรโวหารในรัชกาลที่ ๒ ชีพจรลงเท้า สุนทรภู่อีกครั้งเมื่อท่านเกิดไปสนใจเรื่องเล่นแร่แปรธาตุและยาอายุวัฒนะ ถึงแก่อุตสาหะไปค้นหา ทำให้เกิดนิราศ วัดเจ้าฟ้า และนิราศสุพรรณปี พ.ศ.๒๓๘๓ สุนทรภู่มาจำพรรษาอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ท่านอยู่ที่นี่ได้ ๓ พรรษา คืนหนึ่งเกิดฝันร้าย ว่าชะตาขาด จะถึงแก่ชีวิต จึงได้แต่งเรื่องรำพันพิลาป ซึ่งทำให้ทราบเรื่องราวในชีวิตของท่านอีกเป็นอันมาก จากนั้นจึงลาสิกขาบทเมื่อปี พ.ศ.๒๓๘๕ เพื่อเตรียมตัวจะตาย
เกิดอะไรขึ้นเมื่อคุณ... งดอาหารมื้อเช้า? เอียน มาร์เบอร์ ที่ปรึกษาด้านโภชนาการจะมาตอบคำถามของคุณ Q เราต้องกินอาหารเช้าเป็นสิ่งแรกรึเปล่า? A ใช่ การกินตอนเช้ากระตุ้นระบบย่อยอาหารเพื่อให้สามารถดูดซึมอาหารและปล่อยของเสียและกระตุ้นพลังงานด้วย จัดเป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน Q แล้วถ้าพลาดอาหารเช้าจะส่งผลลบกับร่างกายฉันยังไง? A ก็นำไปสู่ระดับน้ำตาลขึ้นๆ ลงๆไม่คงที่ ทำให้คุณขาดพลังงานและพึ่งพาของว่างและคาเฟอีนเพื่อให้อยู่ได้ทั้งวันในระยะยาว อีกทั้งทำให้น้ำหนักขึ้น-เมื่อร่างกายรู้สึกถึงความหิวโหยก็เก็บอาหารเป็นไขมันแทนที่จะใช้เป็นพลังงาน Q อาหารเช้าที่ดีสุดพึงเลือกคืออะไร? A เลือกอาหารเช้าที่ปรุงง่าย ย่อยง่ายและให้โปรตีนกับคาร์โบไฮเดรต รวมถึงโยเกิร์ตใส่ เบอร์รี ถั่วและเครื่องดื่มไร้คาเฟอีน
มาบอกรัก..ด้วยดอกไม้กันเถอะ สัญชาติญาณบอกให้รู้ว่า ผู้หญิงชอบสิ่งสวยๆงามๆ เหตุนี้ ผู้หญิงจึงชอบดอกไม้เป็นชีวิตจิตใจและเธอจะประทับใจเป็นพิเศษ ถ้ามีใครมอบดอกไม้ให้โดยไม่คำนึงถึงโอกาสใดๆ ทั้งสิ้น เราจึงได้นำความหมายของดอกไม้แต่ละประเภทให้คู่รัก ซาบ ซึ้งเลยว่าดอกไม้แต่ละชนิดล้วนมีความหมายแตกต่างกัน เผื่อวันไหน นึกอยากส่งดอกไม้ไปให้ใคร จะได้รู้ว่าเราอยากบอกอะไรกับเขานะ คาร์เนชั่น - ชวนให้หลงใหล และรู้ตัวหรือเปล่าว่า มีเสน่ห์ดึงดูดดใจมากกว่าใครเพื่อน คาร์เนชั่นสีแดง - เห็นใจในความรักของฉันบ้างเหอะ คาร์เนชั่นสีชมพูหวาน - โปรดถนอมหัวใจรักฉันสักหน่อย เบญจมาศ - แค่เพื่อนกันก็พอ เดซี่ - รักอย่างซื่อสัตย์ กล้วยไม้ - ด้วยรัก และอยากชมว่าสวยจัง กุหลาบแดงและขาวรวมกัน - สองเราเป็นหนึ่งเดียว กุหลาบสีชมพู - คุณช่างงดงามและอ่อนโยนเหลือเกิน กุหลาบสีเหลือง - ความสุข สนุกสนาน เบิกบานใจ กุหลาบสีแดง - ช่างงามเหลือเกิน กุหลาบสีขาว > - ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ทิวลิปสีแดง - อยากให้โลกเป็นพยานว่า "ฉันรักเธอ" ทิวลิปสีเหลือง - ฉันหมดหวังในรักของเธอแล้ว ทิวลิปหลากสีในช่อเดียวกัน - ดวงตาแสนสวยของเธอทำให้ฉันคลั่งไคล้ ลิลลี่ - รักของฉันอ่อนหวาน บริสุทธิ์และจริงใจ ดอกหญ้า > - ฉันรักเธอ แต่ขอเธออย่าผูกมัดฉันนะ บัว - รักด้วยแรงศรัทธาและชื่นชม ทานตะวัน - เธอแจ่มจรัสในใจฉันเสมอ แดฟโฟดิล > - เพื่อนรักที่แสนดีของฉัน ซ่อนกลิ่น - มีคนแอบรักเธออยู่นะ ไอวี่ - ในความรู้สึกของฉัน เธอเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น ไลแล็ค - รักครั้งแรก การ์ดิเนีย - รักที่รู้กันแค่ 2 เรา บาร์ซิซัส > - เธอรักตัวเองและหยิ่งจนฉันไม่กล้าจีบ แดนดีลอน > - ฉันคงเป็นเพียงดอกไม้ริมทางของเธอสินะ ไม้ไผ่ - ขอให้โชคดี เมื่อมอบดอกไม้แทนความในใจให้กันแล้ว บางทีหากคุณเปิดฉากพูดคุยกับ "คนที่หมาย ตา" บ้างสักประโยคสองประโยค เชื่อไหมว่า คำพูดเปิดทาง อาจก่อให้เกิดการกระทำที่จะ นำไปสู่อย่างอื่นได้อีก
10 ผลไม้ที่ควรกินตอนเช้า นาทีที่ 6.00 1. กล้วย กล้วยมีแร่ธาตุและวิตามินสูง อีกทั้งยังเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลจากธรรมชาติที่ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันที และคาร์โบไฮเดรตช่วยเติมพลังให้กับร่างกายแบบไม่ต้องพึ่งพาแป้งหรือน้ำตาลชนิดอื่น ๆ ขณะที่โพแทสเซียมในกล้วยก็ยังช่วยรักษาระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ ยังไม่นับรวมไฟเบอร์ที่พบได้ในผลไม้เกือบทุกชนิด 2. เกรปฟรุต ผลไม้อุดมไปด้วยวิตามินซีชนิดนี้ เหมาะจะเป็นผลไม้สำหรับมื้อเช้าเพื่อคนลดน้ำหนัก เพราะมีการศึกษาพบว่าการรับประทานเกรปฟรุตครึ่งผลก่อนรับประทานอาหารจะช่วยให้น้ำหนักลดลงไวกว่าปกติ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือดได้ รวมทั้งระบบการเผาผลาญไขมันก็จะทำงานได้มากขึ้น ขณะที่วิตามินซีในเกรปฟรุตก็ยังทำหน้าที่สร้างเสริมระบบภูมิคุ้มกัน และความฉ่ำของเกรปฟรุตก็ยังช่วยเติมน้ำให้กับร่างกายไม่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำในตอนเช้าด้วย แต่สำหรับใครที่อยู่ในช่วงการใช้ยาเพื่อรักษาอาการบางอย่าง ควรระมัดระวังไว้หน่อย เพราะสารอาหารที่อยู่ในเกรปฟรุตอาจมีผลข้างเคียงกับยา ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อเกรปฟรุตมารับประทาน 3. บลูเบอร์รี ไม่ว่าจะเป็นบลูเบอร์รีสดหรือแช่แข็ง ผลไม้ชนิดนี้ก็ยังคงมีคุณค่าทางโภชนาการที่ดีเกินคาด ไม่ว่าจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่อย่างมากมาย โดยมีการศึกษาพบว่าคนที่รับประทานบลูเบอร์รีเป็นประจำจะมีความจำและทักษะการเคลื่อนไหวที่ดี ความดันโลหิตเป็นปกติ และระบบเผาผลาญของร่างกายก็จะทำงานดีตามไปด้วย นั่นก็เป็นเพราะสารแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ที่ในบลูเบอร์รี่นั่นเอง นอกจากนี้บลูเบอร์รียังมีแคลอรีต่ำ ช่วยลดน้ำหนักได้ 4. แตงโม แตงโม ผลไม้ฉ่ำน้ำชนิดนี้จะช่วยเติมความชุ่มฉ่ำให้กับคุณในยามเช้า อีกทั้งสารไลโคปีนที่อยู่ในแตงโม อันเป็นสารอาหารที่พบได้ในอาหารที่มีสีแดง ก็ยังช่วยในการมองเห็น บำรุงสุขภาพหัวใจ และป้องกันโรคมะเร็ง แถมยังมีแคลอรีต่ำ ไฟเบอร์สูง เหมาะจะเป็นอาหารเช้าสำหรับคนลดน้ำหนักอย่างที่สุด แต่ก็ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะไฟเบอร์ในแตงโมหากรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ถ่ายท้องได้ 5. สตรอว์เบอร์รี ผลไม้ในตระกูลเบอร์รีอีกชนิดที่อัดแน่นไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานสตรอว์เบอร์รีเพียง 1 ถ้วยก็ทำให้เราได้รับปริมาณวิตามินซีเทียบเท่ากับความต้องการต่อวัน โดยไม่ต้องกังวลในเรื่องของแคลอรี ไม่เพียงเท่านั้น ในสตรอว์เบอร์รียังมีกรดโฟลิก และไฟเบอร์ซึ่งช่วยในระบบขับถ่าย แก้ปัญหาท้องผูก 6. แคนตาลูป หลาย ๆ คนอาจจะยังไม่ทราบว่าแคนตาลูปเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี การรับประทานแคนตาลูป 1/4 ของผลก็ทำให้เราได้รับวิตามินซีในปริมาณเท่าความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยให้พลังงานแค่ 50 แคลอรี นอกจากนี้ในแคนตาลูปก็ยังมีวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิวอีกด้วย 7. กีวี กีวี ไม่เพียงช่วยทำให้รู้สึกสดชื่นแล้ว แต่ยังมีคุณค่าทางโภชนาการแบบเน้น ๆ อาทิ วิตามินซี โพแทสเซียม ทองแดง และไฟเบอร์ที่มีสูงกว่ากล้วย จึงทำให้ผลไม้ชนิดนี้ดีกับสุขภาพอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องระบบขับถ่าย ทั้งท้องผูกหรือลำไส้แปรปรวน หากรับประทานกีวีอย่างน้อยวันละ 2 ผลเป็นประจำ จะช่วยให้อาการท้องผูกลดลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ 8. ราสเบอร์รี ราสเบอรีผลไม้ในตระกูลเบอร์รีนอกจากจะมีปริมาณสารต้านอนุมูลอิสระที่มีเยอะทัดเทียมกับผลไม้ในกลุ่มเดียวกันแล้ว ยังมีไฟเบอร์ วิตามินซี และวิตามินเคที่ช่วยบำรุงกระดูกให้แข็งแรง 9. ส้ม ส้มไม่ว่าจะรับประทานแบบสด ๆ หรือคั้นเป็นน้ำผลไม้ ส้มก็ยังคงอุดมไปด้วยคุณค่าอย่างมหาศาล เพราะไม่เพียงแค่วิตามินซีสูง แต่ยังมีวิตามินดีที่ช่วยลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน โรคซึมเศร้า และโรคมะเร็งได้ด้วย ยังไม่รวมถึงไฟเบอร์ที่มีมากมายที่ช่วยลดอาการท้องผูก และทำให้อิ่มนานขึ้น แต่ก็ต้องระวังอย่ารับประทานเยอะจนเกินไป เพราะส้มเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูง อย่างน้อยแค่เช้าละ 1 ผล หรือจะรับประทานเป็นน้ำส้มคั้นสดก็ดีเช่นกัน 10. แครนเบอร์รี แครนเบอร์รีเป็นผลไม้ที่ช่วยยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย โดยเฉพาะการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ช่วยบำรุงระบบหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ในด้านการรักษาโรคมะเร็ง แครนเบอร์รียังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาที่ใช้การรักษาโรคมะเร็งรังไข่อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าสูงมากเลยทีเดียว แต่ทว่าเจ้าแครนเบอร์รีก็เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลและแคลอรีสูงเช่นกัน ดังนั้นจึงควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะ จะได้ไม่กระทบถึงระดับน้ำตาลในเลือด
ขอชวนชิมลิ้มรส 10 ผลไม้วิตามินซีสูง ตามนี้เลย มะขามป้อม 1. มะขามป้อม ที่เขาว่ากันว่ามะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในโลกไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยค่ะ เพราะข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย ยืนยันมาว่า ในมะขามป้อมผลสด 100 กรัม จะมีวิตามินซีแฝงอยู่ถึง 276 มิลลิกรัม หรือถ้านำผลมะขามป้อมไปคั้นน้ำดื่มก็ยังมีวิตามินซีสูงกว่าน้ำส้มคั้นถึง 20 เท่า ด้วยสรรพคุณอย่างนี้ มะขามป้อมเลยมีฤทธิ์แก้หวัดได้ชะงัด แถมยังช่วยละลายเสมหะ แก้ไอได้ดีด้วย มะขามเทศ 2. มะขามเทศ นอกจากมะขามป้อมแล้ว มะขามเทศก็มีวิตามินซีสูงเป็นลำดับต้น ๆ ของผลไม้ไทยเลยค่ะ และที่เด็ดไปกว่านั้นก็คือ มะขามเทศยังวิตามินอีด้วย ซึ่งปกติแล้ววิตามินอีมักไม่ค่อยพบในผลไม้เท่าไร แต่เมื่อเจ้ามะขามเทศมีทั้งวิตามินซีและอีมาประสานกัน ก็จะผนึกกำลังกันช่วยป้องกันการอุดตันของหลอดเลือด ลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหัวใจ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอีกต่างหาก หรือถ้าใครมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย รีบหามะขามเทศมาทานได้เลย เพราะมะขามเทศมีเส้นใยมาก ช่วยให้ขับถ่ายง่ายขึ้นแน่นอน ฝรั่ง 3. ฝรั่ง ถึงจะเป็นผลไม้รสฝาด แต่ขอบอกว่า ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงมากเหมือนกัน โดยในเนื้อฝรั่งสด 100 กรัม (ประมาณ 1 ผลกลาง) จะมีวิตามินซีมากถึง 160 มิลลิกรัม ซึ่งเกินพอต่อความต้องการของร่างกายใน 1 วัน อย่างไรก็ตาม อย่าปอกเปลือกเชียว เพราะวิตามินซีอยู่ที่เปลือกนี่ล่ะ และควรกินฝรั่งที่เจริญเต็มที่และยังเป็นสีเขียวอยู่ เพราะวิตามินซีที่ผิวและเนื้อของฝรั่งจะค่อย ๆ ลดลงเมื่อผลสุกค่ะ กีวี 4. กีวี เนื้อสีเขียวสดใสแสนอร่อยของกีวีมีวิตามินซีอยู่ไม่น้อยเลยนะ โดยกีวี 100 กรัมจะให้วิตามินซีประมาณ 105 มิลลิกรัม หรือถ้าเป็นกีวี 2 ผล ก็จะให้วิตามินซีประมาณ 137 มิลลิกรัม แถมยังมีกากใยมาก อุดมไปด้วยโพแทสเซียม ทองแดง และโฟเลต แคลอรี่ก็ต่ำอีกต่างหาก เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักนะ ลิ้นจี่ 5. ลิ้นจี่ ผลไม้ฉ่ำน้ำรสเปรี้ยวอมหวานชนิดนี้ให้วิตามินซีถึง 71 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัมเชียวนะ เลยมีสรรพคุณช่วยบำรุงหลอดเลือด ป้องกันโรคกระดูกและฟัน แก้ไอเรื้อรัง แก้คัดจมูกได้ แต่ก็เตือนไว้ก่อนว่าอย่าทานมากเกินไป เพราะในเนื้อลิ้นจี่มีสารประกอบชนิดหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการร้อนในได้เหมือนกัน มะละกอ 6. มะละกอสุก เนื้อมะละกอสุก 100 กรัม มีวิตามินซีราว ๆ 70 มิลลิกรัม จึงช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด โรคเลือดออกตามไรฟันได้ นอกจากนั้น มะละกอยังมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ช่วยปราบอาการท้องผูกได้ชะงัด อ้อ ! แนะนำว่าเวลาปอกเปลือกไม่ควรปอกหนาจนเกินไปนะคะ เพราะที่บริเวณเปลือกและใต้ผิวเปลือกมีสารไม่มีสีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างยอดเยี่ยมสะสมอยู่ด้วย สตรอว์เบอร์รี 7. สตรอว์เบอร์รี ผลไม้สีแดงรสเปรี้ยวอมหวานชนิดนี้ เพียงกินแค่ 100 กรัม คุณจะได้รับวิตามินซีถึง 66 มิลลิกรัมเลยเชียว และสีแดงสดของสตรอว์เบอร์รีอุดมไปด้วยซูเปอร์ไฟเบอร์เพคติน ช่วยลดคอเลสเตอรอล อีกทั้งยังช่วยดูแลสุขภาพเหงือกและฟัน ดับกลิ่นปาก ขัดฟันให้ขาวด้วย แจ่มมาก เงาะ 8. เงาะ ไม่เคยคิดเลยนะเนี่ยว่า "เงาะ" ก็มีวิตามินซีเหมือนกัน แต่ขอบอกให้รู้ค่ะว่า เงาะ 100 กรัม จะให้วิตามินซีประมาณ 53 มิลลิกรัม ซึ่งสรรพคุณของเงาะก็เลิศไม่น้อย ช่วยรักษาอาการอักเสบในช่องปากได้ แก้อาการท้องร่วงชนิดรุนแรงได้ แต่มีข้อแม้ว่าอย่าทานเงาะมากเกินไปนะ เพราะเงาะมีสารแทนนินสูง กินมากไปอาจปวดท้อง ท้องอืด ท้องผูกได้เหมือนกัน และไม่ควรรับประทานเม็ดด้วยค่ะ เพราะเม็ดของเงาะมีพิษ กินแล้วอาจคลื่นไส้อาเจียนได้ ส้มโอ 9. ส้มโอ ส้มโออร่อย ๆ ที่กินเป็นผลไม้ก็ได้ นำไปทำกับข้าวอย่าง ยำ สลัด ส้มตำก็อร่อย ให้วิตามินซีประมาณ 44 มิลลิกรัม ต่อ 100 กรัม กินแล้วช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน แก้หวัด แก้ไอ ขับเสมหะ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง พูดไปก็ชักเปรี้ยวปากอยากทานส้มโอซะแล้ว พุทรา 10. พุทรา ปิดท้ายที่ผลไม้ไทย ๆ อย่าง พุทรา รสชาติฝาด ๆ เปรี้ยว ๆ นี่แหละให้วิตามินซีพอ ๆ กับส้มโอเลย สรรพคุณสุดเด็ดของพุทรานอกจากจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต่อต้านสารอนุมูลอิสระแล้ว ในพุทรายังมีเส้นใยอาหารมาก ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น แถมกินแล้วอิ่มเร็วด้วย และมีการวิจัยพบว่า พุทรามีสรรพคุณช่วยบำรุงประสาท ป้องกันอาการผนังเส้นเลือดแข็งตัว และช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับด้วยนะ และก็ไม่ใช่แค่ผลไม้เท่าที่เห็นนะคะ ยังมีผักผลไม้อีกหลายชนิดที่มีวิตามินซีสูงอย่างคาดไม่ถึง อย่าง มะรุม มีวิตามินซีสูงถึง 272 มิลลิกรัม พริกหวาน พริกแดง บรอกโคลี ก็ให้วิตามินซีหลักร้อยมิลลิกรัมเช่นกัน รู้แล้วก็ทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีกันให้มาก ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ เพราะวิตามินซีมีบทบาทในการสร้างคอลลาเจน ซ่อมแซมเนื้อเยื่อ ต่อต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ลดริ้วรอย คุณประโยชน์ดี ๆ แบบนี้หาได้จากธรรมชาติ ไม่เห็นต้องพึ่งอาหารเสริมเลยเนอะ